สุนัขกินผลไม้ มีประโยชน์ เพราะผลไม้นั้นจะช่วยเพิ่มวิตามิน แร่ธาตุ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ และจะช่วยทำให้ในร่างกายของมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ แต่ไม่ใช่น้องหมาจะกินผลไม้ได้ทุกชนิด เพราะมีอีกหลายชนิดที่ไม่ควรให้กิน เจ้าของต้องคอยระมัดระวังเรื่องการให้สุนัขกินผลไม้ด้วย
สุนัขกินผลไม้
การให้สุนัขกินผลไม้นั้นมีประโยชน์ เพราะผลไม้นั้นจะช่วยเพิ่มวิตามิน แร่ธาตุ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระให้ และจะช่วยทำให้ในร่างกายของสุนัขมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ กล้วย แอปเปิ้ล แตงโม ผลไม้ยอดฮิตที่คนนิยมให้สุนัขกิน แถมยังมีประโยชน์อีกมากมาย การให้ผลไม้นั้นดีต่อสุขภาพสุนัขก็จริง แต่ควรระมัดระวังและควบคุมการกินในแต่ละวัน ให้มีปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป เพราะจะส่งผลต่อน้ำหนักตัวของน้องหมาที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากในผลไม้นั้นมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นไม่ควรกินเกิน 5 – 10 % ของพลังงานที่น้องหมาต้องการในแต่ละวัน
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่มีประโยชน์ต่อสุนัข
การที่สุนัขกินผลไม้ได้หลายชนิดแล้ว ยังมีกลุ่มของผลเบอร์รี่ต่างๆ เกือบแทบทุกชนิดถือเป็นผลไม้ที่ดีและมีประโยชน์แก่สุนัข โดยหลักๆ จะเป็นวิตามิน C และแตกต่างออกไปตามแต่ละชนิดของเบอร์รี เช่น บลูเบอร์รี มีสาร Antioxants ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และสาร Photonutrients ที่ช่วยป้องกันโรคบางชนิดได้ สตรอว์เบอร์รี นอกจากวิตามิน C ที่สูงแล้ว ยังมีเอนไซม์ที่ช่วยทำให้ฟันของสุนัขขาวขึ้น ราสเบอร์รี่ มีแคลอรี่และน้ำตาลต่ำ แถมยังมีไฟเบอร์และแมงกานีสที่เป็นประโยชน์ต่อสุนัขสูงวัย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ถือแม้เชอร์รีจะอยู่ในผลไม้ตระกูลนี้ แต่ไม่ควรให้สุนัขกินผลไม้ชนิดนี้ เนื่องจากรอบๆ เมล็ดจะมีสารไซยาไนท์ซึ่งจะไปขัดขวางการส่งออกซิเจนที่ไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ทำให้สุนัขแสดงอาการรูม่านตาขยาย และหายใจลำบาก
สุนัขกินผลไม้อะไรได้บ้าง
- แอปเปิ้ล
- กล้วย
- แตงโม
- แคนตาลูป
ข้อควรระวัง : ห้ามให้กินเปลือกเด็ดขาด เพราะเปลือกแคนตาลูปมีเนื้อที่หยาบ จะส่งผลเสียต่อลำไส้ได้
- มะละกอ
สุนัขกินผลไม้นี้ที่รสชาติอร่อย หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด และมีเนื้อสัมผัสที่น้องหมาชอบ มะละกอมีประโยชน์หลายอย่าง ตั้งแต่ในเรื่องของการย่อยอาหาร สุขภาพหัวใจ สายตา จนไปถึงสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
- แบล็คเบอร์รี่
เป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว มีไขมันและแคลอรี่ต่ำ ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน C, K, ไฟเบอร์ และแมงกานีส ช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก อีกทั้งแบล็คเบอร์รี่ยังช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงทำให้สุขภาพในช่องปากของน้องหมาดีอีกด้วย
- บลูเบอรี่
อีกหนึ่งผลไม้ตระกูลเบอรี่ที่น้องหมามีแนวโน้มจะชอบมากที่สุด เพราะมีขนาดที่พอดีคำกับปากของน้องหมา บลูเบอรี่มีไขมันและน้ำตาลที่ต่ำ เหมาะกับน้องหมาที่ต้องการจะลดแคลอรี่ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับน้องหมา
- แครนเบอร์รี
- ราสเบอร์รี่
น้องหมาส่วนใหญ่ชอบกินราสเบอร์รี่ เพราะมีรสชาติที่หวาน แต่ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะ ประโยชน์ของผลไม้ชนิดนี้ สามารถช่วยในระบบไหลเวียนเลือด ต้านมะเร็ง อีกทั้งยังช่วยลดความเสื่อมถอยตามวัยของร่างกายได้ ผลราสเบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามิน C และสารต้านอนุมูลอิสระ
- สตอเบอรี่
ผักที่สุนัขกินได้
- ฟักทอง
ผักที่ไม่ได้มีประโยชน์แค่ไว้ประดับในวันฮาโลวีนเท่านั้น แต่ในฟักทองจะมีเบต้าแคโรทีนที่สูงมาก ซึ่งเจ้าเบต้าแคโรทีนนี้ จะพบได้ในผักผลไม้ที่มีสีเหลือง ส้ม และแดง อีกทั้งยังมีวิตามิน A ที่ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับสุนัข แถมยังบำรุงสายตาอีกด้วย
- แครอท
อีกหนึ่งผักสีส้มที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำหรับน้องหมา เมื่อเราให้สุนัขทาน ก็จะช่วยบำรุงสายตา และป้องกันโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับการมองเห็นได้อีกด้วย และยังมีวิตามิน A ที่ช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตของสุนัข
สำหรับในผักชนิดนี้มีทั้งวิตามิน A B และ C เลย ซึ่งช่วยทั้งด้านภูมิคุ้มกัน การมองเห็น หรือแม้กระทั่งการสังเคราะห์คอลลาเจนในสุนัข แถมยังใช้แทนขนมของสุนัข ช่วยทำความสะอาดฟันและทำให้สุนัขมีลมหายใจที่หอมสดชื่น
- แตงกวา
ถือเป็นพืชที่มีน้ำในผลค่อนข้างมาก จึงเหมาะกับสุนัขที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว และยังอุดมไปด้วยวิตามิน B1 C และ K อีกทั้งยังมีไบโอติน ที่จะช่วยบำรุงขนของสุนัขและป้องกันโรคทางผิวหนังได้
ผักและผลไม้ที่มีอันตรายต่อสุนัข
- องุ่น และลูกเกด
ถึงแม้สุนัขกินผลไม้ได้หลายอย่างแต่อันนี้หลายท่านน่าจะรู้จักดี ว่าองุ่นและลูกเกดนั้นเป็นพิษกับสุนัข โดยถ้าสุนัขเผลอกินเข้าไปสามารถแสดงอาการเป็นพิษหลังจากได้รับภายใน 24 ชั่วโมง โดยทั้งองุ่นและลูกเกดจะทำให้เกิดความเป็นพิษต่อระบบไต และส่งผลต่อการขับปัสสาวะ
- หัวหอมและกระเทียม
ทั้ง 2 อย่างนี้สามารถทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานผิดปกติ หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ หายใจหอบ ทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- เชอร์รี่
เชอร์รี่มีอันตรายต่อสุนัขในส่วนของใบและเมล็ด ซึ่งมีสารที่เป็นพิษอยู่คือไซยาไนด์ สารนี้จะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้
- เห็ด
เห็ดที่คนกินได้ไม่เป็นอันตรายต่อสุนัขเช่นกัน แต่ควรจะต้องระวัง เนื่องจากสุนัขจะเรียนรู้และจดจำกลิ่นของเห็ดได้ และอาจเผลอไปกินเห็ดพิษที่ขึ้นอยู่ทั่วไปตามสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
- ผล Currant
ผล currant หลายชนิดจะมีพิษต่อสุนัข อาจทำให้สุนัขเกิดภาวะอาเจียนและท้องเสียเฉียบพลัน และสามารถทำให้เกิดความเป็นพิษต่อระบบไตได้เช่นเดียวกับองุ่นและลูกเกด
- มันฝรั่งดิบ
มันฝรั่งดิบที่มีสีออกเขียว มันฝรั่งที่เริ่มมีจุดสีเขียวๆ ตามตาและเริ่มงอกต้นอ่อน จะมีสารพิษจำพวกอัลคาลอยด์ โดยจะออกฤทธิ์ทำให้สุนัขมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอาการรุนแรงอื่นๆ อย่างเช่น ชัก หรือหัวใจเต้นผิดปกติได้
- ลูกพลัม
คล้ายกับในเชอร์รี่ ส่วนของเมล็ด ใบและก้านของลูกพลัมเป็นพิษต่อสุนัข สารพิษคือดังกล่าวก็คือไซยาไนด์ ซึ่งส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้
- ต้นรูห์บาร์บ (Rhubarb)
ต้นรูห์บาร์บอาจจะไม่ค่อยพบมากในเมืองไทย ส่วนมากจะเป็นผักนำมาทำพาย พิษของต้นรูห์บาร์บจะส่งผลต่อระบบไต และมีผลต่อระดับสมดุลของแคลเซียมในร่างกาย
- เมล็ดแอปเปิ้ล
สุนัขกินผลไม้ประเภทแอปเปิ้ลได้ แต่เมล็ดของแอปเปิ้ลที่อยู่ตรงแกนกลางเป็นส่วนที่มีพิษต่อสุนัข โดยมีสารไซยาไนด์เหมือนในเมล็ดองุ่นและลูกพลัม
- มะเขือเทศ
หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป โดยเฉพาะส่วนที่มีสีเขียว ได้แก่ มะเขือเทศดิบ กิ่ง ก้าน และใบ ล้วนมีพิษต่อระบบทางเดินอาหารของสุนัข เกิดภาวะท้องเสียและอาเจียนได้ ในส่วนของซอสมะเขือเทศก็ไม่ควรให้สุนัขทานเช่นเดียวกัน เพราะมีส่วนผสมของเกลือ น้ำตาลและกรดต่างๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อกระเพาะอาหารได้
เมื่อให้สุนัขกินผลไม้ จะต้องสังเกตอาการหลังกินทันที ว่ามีการปวดท้องหรือรู้สึกไม่สบายอื่นๆ รึเปล่า เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการให้ผลไม้ชนิดนั้น และเพื่อความปลอดภัย นอกจากผักและผลไม้จะมีประโยชน์ต่อสุนัขเอามากๆ แล้ว ยังหาซื้อได้ง่ายเช่นกัน ซึ่งก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีอีกอย่างหนึ่งสำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะให้สุนัขทานอะไรดี เพราะนอกเหนือจากอาหารสุนัขทั้งแบบเม็ดและแบบเปียกแล้ว การให้สุนัขได้กินผักและผลไม้ ก็จะช่วยให้สุนัขไม่เบื่ออาหาร และมีความสุขกับการกินได้มากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ผักและผลไม้บางชนิดอาจจะมีน้ำตาลที่สูงเกินไป ควรให้น้องหมากินแต่พอดี และให้กินเพียงแค่ 10% ต่อพลังงานที่สุนัขควรจะได้รับในแต่ละวันจึงจะเหมาะสม
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
ที่มาของบทความ
- https://www.dogilike.com
- https://www.baanlaesuan.com
- https://www.ivethospital.com
- https://www.istockphoto.com/363215949
- https://www.istockphoto.com/44564710